skin01

สิว

เรามีทรีทเม้นท์หลากหลายตามปัญหาที่แตกต่างของคนไข้

1.1 การแก้ปัญหารอยแผลจากสิว Fractional CO2
ด้วยปัญหาจากรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว ทำให้ความฝันที่ผิวหน้าจะเรียบเนียน ขาวใสของสาวๆ หลายคนต้องสลายไป แต่ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Fractional CO2 ทำให้ความฝันกลับมาเป็นรูปร่าง ได้อย่างง่ายดาย

Fractional CO2 ทำงานอย่างไร
เลเซอร์จะทำงานด้วยการปล่อยคลื่นแสงในช่วง 10,600 นาโนเมตร ลงสู่ใต้ผิวหนังเป็นจุดเล็กๆ นับพันจุดต่อตาราง ด้วยระบบ scanner ที่มีความแม่นยำ เมื่อแสงสัมผัสกับผิวจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อย ณ ตำแหน่งนั้นเซลล์เก่าจะถูกแปรสภาพให้เป็นเซลล์ที่ตายไป ซึ่งจะถูกผลัดให้หลุดออกภายใน 1-2 สัปดาห์ ทำให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์เก่าได้ประมาณ 10-20% ของผิวทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะหยุดการรักษาไป 3-6 เดือน แต่ผลการรักษาจะยังดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Collagen Remodeling ยังดำเนินต่อไป

ขั้นตอนการรักษา
เริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้า แล้วจะทำการทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 45-60 นาที เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายขณะที่ทำการรักษา หลังจากนั้นคุณหมอจะใช้หัวเลเซอร์สัมผัสกับผิวหน้าเบาๆ แล้วเคลื่อนไปมาทั่วบริเวณที่ทำการรักษา จนครบตามขนาดพลังงานที่คำนวณไว้ ซึ่งเวลาในการรักษาประมาณครั้งละไม่เกิน 20 นาที

หลังการรักษา
หลังการรักษาอาจจะมีอาการแดงเรื่อๆ ทั่วบริเวณที่ทำการรักษา หรือมีความรู้สึกแสบร้อน ณ จุดนั้น ซึ่งสามารถทาครีมลดรอยแดงได้ และสามารถทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังควรทำครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 30 และควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หลังการรักษา 3-4 วัน อาจจะพบสะเก็ดเหมือนผงพริกไทย หรืออาจจะรู้สึกสากๆ เล็กน้อย ซึ่งจะหลุดออกไปภายใน 5-7 สัปดาห์ โดยห้าม แกะ เกา เพราะอาจเกิดแผลเป็นได้

1.2 Scarlet
หยุด !!! ปัญหาหน้าไม่หระชับ จุดด่างดำจากการรักษา ด้วยนวัตกรรมล่าสุดที่จะหยุดทุกปัญหาที่คุณกลัว ด้วย Scarlet ที่จะทำให้ผิวหน้าของคุณกลับมา สวย เนียน เต่งตึง ราวกับวัยแรกแย้ม

 

Scarlet คืออะไร
Scarlet เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นความพี่วิทยุปล่อยผ่านเข็มขนาดเล็ก (Microneedles) ซึ่งสามารถปรับขนาดความลึกของเข็มได้ตามพื้นที่ที่ทำการรักษา ลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน โดยเช็มธรรมดาทั่วไป หรือ คลื่น RF ทั่วไป เมื่อถูกปล่อยเข้าสู่ผิวหนังแล้วจะทำให้มีเลือดออกตามผิวหนัง อีกทั้งยังทำให้เกิดปัญหารอยดำตามมาในภายหลังจากการรักษา แต่สำหรับ Scarlet จะจับจังหวะการปล่อยและดึงเข็มกลับอย่างแม่นยำ ทำให้ไม่มีเลือดออก รวมถึงขณะที่ปล่อยคลื่น RF ผ่านลงไป จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เพื่อไปกระตุ้นผิวชั้นลึกให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่

 

ผู้ที่เหมาะทำการรักษา
1. ผู้ที่มีปัญหาสิว โดยเฉพาะรอยแดงจากสิว
2. ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าไม่กระชับ ใบหน้าตก สามารถทำได้ตั้งแต่วัยสาว จนถึงผู้สูงวัย

ผลลัพธ์จากการทำ
Scarlet มีการตั้งค่า Pause Dulation เพื่อให้มีจังหวะปล่อยเข็มถึงช่วงดึงเข็มกลับในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการ ผู้ได้รับการรักษจึงไม่รู้สึกเจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง และไม่เกิดอาการบวมแดง (อาจเกิดได้ในบางราย แต่ไม่มาก) หลังการรักษา จะรู้สึกได้ถึงผิวที่เต่งตึงในทันที และจะยิ่งเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อผ่านไป 3 เดือน และสามารถกลับมารับการรักษาได้อีกหลังจากทำไปแล้ว 1 เดือน

ข้อห้ามในการรักษา
เนื่องจากคลื่น RF เป็นคลื่นความถี่วิทยุ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ และคนไข้ที่ผิวหน้ามีผื่นขึ้นเยอะ

คำแนะนำหลังรับการรักษา
ดูแลผิวได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงจากแสงแดด และสารเคมีหรือเคืองสำอางค์ที่ก่อให้เกิดความระคายเคือง และสามารถแต่งหน้าได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้น

ประสิทธิภาพในการรักษา
หลังจากได้รับการรักษา ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นรูเปิดเล็กๆ โดยแพทย์จะให้ทรีตเม้นท์ เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เกิดใหม่ให้ดียิ่งขึ้น โดยจะเห็นผลได้เร็วกว่าในผู้สูงอาย

 

1.3 Derma point
เป็นอีกหนึ่งเลเซอร์กลุ่ม Fractional Laser (Fraxel,Co2)เหมาะสำหรับผู้ที่มีปํญหาเรื่องหลุมสิว รอยหลุมเล็กบนใบหน้า ผิวไม่เรียบ ขรุขระ รูขุมขนกว้าง Derma Point จะประกอบด้วยเข็มขนาดเล็กรวมกัน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. มีประมาณ 9 หัวเข็ม มีความยาวแตกต่างกัน 2 รุ่น คือ เข็มที่ยาว 0.7 มม.และ 1.5 มม ลักษณะการทำงานของ Derma Point เข็มจะแทงสะกิดบริเวณที่ต้องการรักษาหลุมสิวและจะสะกิดไปเรื่อยๆในผิวหนังจะคล้ายๆ กับการสัก ด้วยขนาดเข็มที่เล็กทำให้ Derma Point สามารถทำการรักษาในบริเวณเล็กๆ เช่นร่องจมูกได้และก่อนทำแพทย์จะทายาชาก่อน30นาที และทุกครั้งของการรักษาแพทย์จะเปลี่ยนหัวเข็มใหม่ทุกครั้ง จึงมีความปลอดภัยและตลอดทุกการทำแต่ละครั้ง ในระหว่างทำการรักษาคนไข้จะรู้สึก เจ็บจี๊ดๆเนื่องจากเข็มจะสะกิดลงบนใบหน้าแบบถี่ๆโดยแพทย์จะปรับระดับความลึกในระหว่างทำ ให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของคนไข้แต่ละบุคคล หลังทำ อาจจะมีอาการบวมแดง ผิวไหม้ ตกสะเก็ด เกิดรอยดำ หรือรอยเขียวช้ำได้จากผลการรักษาแต่หากผู้รักษาทำการรักษาแบบต่อเนื่องหลุมสิวบริเวณที่ทำการรักษาจะตื้นขึ้นและจะค่อยหายไปในที่สุด ผิวหน้าจะค่อยๆสร้างอีลาสตินและคอลลาเจน ขึ้นใหม่ให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียน (ขึ้นอยู่กับสภาพใบหน้าของแต่ละบุคคล)

 

1.4 AHA
AHA หรือ Alpha Hydroxy Acid เป็นกรดผลไม้ ที่ถูกพัฒนาและสกัดตามกระบวนการทางการแพทย์โดยการดึงเอาสารในผลไม้บางชนิด เช่น แตงกวา แอปเปิล เป็นต้นซึ่งสารในผลไม้เหล่านี้จะมีคุณสมบัติที่ทำให้หน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง ซึ่งก็คือ AHA และที่ณัชชนกคลินิคได้มีโปรแกรมทางด้านทรีตเม้นท์ เพื่อบำรุงใบหน้าของสาวๆแบบเร่งด่วนทันใจให้หน้าใสปิ๊ง ซึ่ง AHA TREATMENT นี้จะไปมีทำให้เซลล์ที่ตายแล้วบนใบหน้าเช่นคราบสกปรก ฝุ่น ขี้ไคล เชื้อสิวสะสม ให้หลุดออกไปง่ายขึ้น และขณะเดียวกันก็สามารถกระตุ้นให้สร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ๆ ที่แข็งแรงกว่าแทนที่ด้วยการทรีตเม้นท์ในสูตรเฉพาะตัว ของณัชชนกคลินิคที่จะสามารถกระตุ้นให้สร้างสารในชั้นหนังแท้ได้ ทำให้ผิวดูขาวเนียนขึ้น รอยหมองคล้ำดูจางลง ผิวหนังบนใบหน้ามีความยืดหยุ่น และยังช่วยเรื่องรูขุมขนให้เล็กลงอีกด้วยเมื่อทำเกิน5ครั้งจะเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าอย่างเด่นชัด

 

1.5 Vitamin U Mask
วิตามินยูซี มาสก์คือหนึ่งในตัวทรีตเม้นท์ที่ดีเยี่ยมของณัชชนกคลินิค มาสก์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะของการบำรุงผิวหน้าให้กระจ่างใส เหมาะสำหรับผู้ที่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำและโดนแสงแดดที่รุนแรง สำหรับคนที่มีปัญหากระ ฝ้าในชั้นตื้น มาสก์วิตามินยูซี ที่ณัชชนกคลินิคได้เพิ่มขั้นตอนพิเศษนอกจากจะทำให้ใบหน้ากระจ่างใสขั้นเห็นผลทันทีหลังจากมาสก์เสร็จ มาสก์ยังดูดซึมสิ่งสกปรกที่อยู่บนใบหน้าที่ถูกสะสมมานาน ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวและยังช่วยในการกระตุ้นหมุนเวียนของโลหิต ช่วยผ่อนคลายและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอีกด้วย

 

1.6 Diamond peel
คือเทคโนโลยีการกรอผิวด้วยหัวเพชรด้วยนวัตกรรมที่เรียกว่าMicrodermabrasionคือการผลัดเซลล์ผิวด้วยการพ่นเกร็ดอัญมณีละเอียดกระทบผิวผลัดผิวหนังชั้นบนให้หลุดออกกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าเรียบเนียน มีความยืดหยุ่น เหมือนสาวแรกรุ่น และยังช่วยในเรื่องการรักษาแผลเป็นจากหลุมสิว(ในระดับตื้น)มีความปลอดภัยสูง ไม่มีเลือดออก ไม่มีบาดแผลเนื่องจากการทำMicrodermabrasion เป็นการทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวเข้าสู่ภาวะสมดุลใกล้เคียงปกติ เมื่ออายุมากขึ้นผิวจะผลัดออกช้าลงไปถึง 5-6 สัปดาห์และจะกลับมาผลัดทุก 3-4 สัปดาห์ดังเดิม ดังนั้นการทำMicrodermabrasion ไม่ได้ทำให้ผิวบางลงแต่อย่างใด ในระหว่างการรักษาอาจรู้สึกระคายเคืองผิวเล็กน้อยเหมือนมีทรายละเอียดลอยวนอยู่บนผิวไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ สำหรับผู้ที่ผิวบอบบางหรือเคยโดนแดดจัดแพทย์จะวินิจฉัยและจะขัดเบาๆเพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน หลังการรักษา ผิวอาจจะแดงเล็กน้อย แต่จะหายเป็นปกติใน 1-2 ชั่วโมง และอาจมีผิวหลุดลอกออกให้เห็นใน 3-5 วันหลังทำการรักษา หลังจากรักษาต่อเนื่องจะเห็นความแตกต่างปัญหาต่างๆเช่นรอยดำ รอยฝ้า(ระดับต้น) หมองคล้ำ รอยหลุมสิวจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การดูแลรักษาผิวหน้า หลังการทำผู้ทำการรักษาควรหลีกเลี่ยงแดดจัดหลังการรักษาประมาณ 1 สัปดาห์

 

ปัญหาหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว หรือแม้แต่รอยแตกลายงา ที่คอยสร้างปัญหาให้หนักใจ จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีการผลัดเซลล์ผิวหนังที่เรียกว่า Microdermabrasion ที่มีการใช้หัวเพชร ที่เป็น Diamond ร่วมกับการใช้ระบบสูญญากาศ (Vacuum) ทำให้เซลล์ที่ผิวถูกขจัดออกถึงชั้นผิวหนังกำพร้า ได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพ

เครื่อง Diamond Peel
ด้วยหัว Diamond ถึง 10 แบบ และแรงดันที่มีหลายระดับ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับบริเวณต่างๆ ที่ได้รับการรักษา Diamond peel มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการช่วยผลัดเซลล์ผิวหนัง และสิ่งที่อุดตันด้วย Diamond ในขณะที่ vacuum จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวหนัง คอลลาเจน (Collagen) แลพอีลาสติน (Elastin) ซึ่งสามารถรักษาได้ทุกสีผิวและทุกส่วนของร่างกาย

 

      ผู้ที่เหมาะทำการรักษาด้วย Diamond Peel
   – ผู้ที่มีการอุดตันของสิว ไขมัน
   – ผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวคล้ำ
   – ผู้ที่มีรอยแผลเป็น หรือแผลจากสิว
   – ผู้ที่มีริ้วรอยแห่งวัย ริ้วรอยรอบดวงตา รอบมุมปาก ริ้วรอยบนหน้าผาก เป็นต้น
   – ผู้ที่มีผิวไม่เรียบ
   – ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง
   – ผู้ที่มีรอยแตกลาย

      ข้อควรรู้
   – ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วย diamond peel
   – ผู้ที่มีความผิดปกติของผิวหนังในบริเวณที่ทำการรักษา โรคผิวหนังเรื้อรัง (Undiagnosed lesions)
   – ผู้ที่อยู่ในระยะแสดงอาการของโรคเริม (herpes)
   – ผู้ที่เป็นหูดในบริเวณที่รับการรักษา (wart)
   – ผิวคล้ำจากการสัมผัสแสงแดด (sun burn)
   – ผู้ที่มีสิวอักเสบในระยะที่ 3 – 4 (active, weeping acne stages 3 – 4 )
   – ผู้ที่เป็นผื่นแพ้ (Rosacea)
   – ผู้ที่เป็นเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ (Unstable diabetes)
   – ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Auto-immune system disorder)
   – ผู้ที่ตั้งครรภ์ (Pregnency)
   – ในผู้ที่มีสีผิวคล้ำ (hyper pigmentation) ควรใช้ระดับแรงดันสุญญากาศต่ำๆ

หลังทำการรักษา
หลังทำการรักษาจะเห็นผิวบริเวณที่ทำการรักษามีสีชมพูระเรื่อ และจะค่อยๆ จางหายไปใน 2 – 3 ชั่วโมงหลังการรักษา สามารถเห็นผลการรักษาได้ทันทีหลังการรักษาในครั้งแรก แนะนำให้ทำการรักษา 6 – 8 ครั้ง ห่างกันทุก 2 สัปดาห์

 

1.7 เมโสหน้าใส Needle-Free Mesotherapy
“Needle-Free Mesotherapy” หรือเมโซเทอราปีแบบไม่พึ่งเข็มที่ณัชชนกคลินิกเป็นการใช้เทคนิค คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความยาวคลื่นสั้น ๆ เปิดเซลล์บริเวณเยื่อบุเซลล์ ทำให้มีการไหลผ่านของสารอาหารต่าง ๆ จากภายนอกเซลล์เข้าสู่ภายในเซลล์ได้ดีขึ้น (Electropermeability) ภาษาทางการ แพทย์เรียกว่า “อิเล็กโตรโพเรชั่น” (Elevtroporation) ถูกนำมาใช้ในหลายกรณี เช่น ผลักสารอาหารและวิตามินเข้าสู่เซลล์ผิว เพื่อผลักสารอาหาร ยา หรือวิตามินต่าง ๆ ที่เราต้องการเข้าไปยัง เซลล์ผิว เพื่อแก้ปัญหาผิวแห้ง ริ้วรอย หรือรอยดำ คล้ำ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับบริเวณลำตัวได้เช่นกัน ขณะทำไม่รู้สึกเจ็บเลย อาจรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณผิว ที่ณัชนกคลินิคจะมีตัวยาเฉพาะใช้รักษาที่แตกต่างกันขี้นอยู่กับสภาพใบหน้าของแต่ละคน โดยแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าจะใช้ตัวยาใดในการทำการรักษาเพื่อให้ตรงจุดมากที่สุด